เอธิโอเปียในศตวรรษที่ 20 เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ ประเทศนี้เผชิญกับปัญหาความยากจน โรคภัย และการขาดโอกาสอย่างรุนแรง ในขณะที่ระบบกษัตริย์ของจักรพรรดิไฮเลอ เซลาสซีที่ 1 ซึ่งครองราชย์มาหลายทศวรรษ เริ่มแสดงให้เห็นถึงความล้าสมัยและไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้
การปฏิวัติเอธิโอเปียปี 1974 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติ มันเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของกลุ่มนักศึกษา กริซ และทหารที่ไม่พอใจต่อการปกครองแบบเผด็จการและความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม พวกเขารวมตัวกันเรียกร้องการปฏิรูปทางการเมือง การคลายข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ และการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน
สาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การปฏิวัติมีหลายประการ:
-
ความยากจนและความเหลื่อมล้ำ: แม้ว่าเอธิโอเปียจะมีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก แต่ประชากรส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ในสภาวะอดอยาก โรคภัย และความยากจน ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างชนชั้นสูงและประชาชนสามัญยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
-
การขาดเสรีภาพและประชาธิปไตย: รัฐบาลของจักรพรรดิไฮเลอ เซลาสซีที่ 1 เป็นเผด็จการ และไม่ยอมรับสิทธิในการแสดงความคิดเห็น หรือการมีส่วนร่วมทางการเมืองจากประชาชน
-
อิทธิพลของแนวคิดสังคมนิยม: ในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 เกิดกระแสสังคมนิยมขึ้นทั่วโลก การปฏิวัติคิวบา และความสำเร็จของสหภาพโซเวียตได้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่กลุ่มนักศึกษาและคนหนุ่มสาวในเอธิโอเปีย
-
การล่มสลายของระบบเก่า: รัฐบาลจักรพรรดิไฮเลอ เซลาสซีที่ 1 เริ่มแสดงความไม่มั่นคงขึ้น ความขัดแย้งภายใน และความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศนำไปสู่การสูญเสียความน่าเชื่อถือจากประชาชน
การปฏิวัติเอธิโอเปียปี 1974 ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทุกๆ ด้าน
-
การโค่นล้มสมมาราช: จักรพรรดิไฮเลอ เซลาสซีที่ 1 ถูกโค่นล้มจากบัลลังก์และถูก软禁 การสิ้นสุดของระบอบราชาธิปไตยเปิดทางให้รัฐบาลแบบสาธารณรัฐ
-
การสถาปนาเผด็จการทหาร: คณะปฏิวัติที่นำโดย Mengistu Haile Mariam ซึ่งเป็นพลเอกในกองทัพ เข้ายึดอำนาจและสถาปนา “เดอร์ก”(Derg) เป็นคณะกรรมการปกครองประเทศ
-
การดำเนินนโยบายสังคมนิยม: รัฐบาล Derg ยึดทรัพย์สินของชนชั้นสูงและโบสถ์ และดำเนินนโยบาย agrarian reform เพื่อกระจายที่ดินให้แก่ชาวนา
-
การปฏิวัติทางด้านวัฒนธรรม: การปฏิวัติเอธิโอเปียนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางด้านวัฒนธรรมอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการส่งเสริมภาษา Amharic เป็นภาษาประจำชาติ การกำจัดความเชื่อโหราศาสตร์ และการปรับปรุงระบบการศึกษา
ผลลัพธ์ของการปฏิวัติ: ความขัดแย้งและความหายนะ
ถึงกระนั้น การปฏิวัติเอธิโอเปียปี 1974 ไม่ได้นำมาซึ่งความสุขและความเจริญรุ่งเรืองตามที่คาดหวังไว้ ในทางกลับกัน ระบอบสังคมนิยมของ Mengistu Haile Mariam กลายเป็นเผด็จการที่โหดร้าย และก่อให้เกิดความหายนะแก่ประชาชน
-
สงครามกลางเมือง: รัฐบาล Derg ได้ทำสงครามกับกลุ่มต่อต้านมากมาย รวมทั้ง Eritrean People’s Liberation Front (EPLF) และ Tigrayan People’s Liberation Front (TPLF) สงครามนี้ทำให้ประเทศเสียหายอย่างหนัก และมีผู้เสียชีวิตหลายแสนคน
-
ความอดอยากครั้งใหญ่: นโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาล Derg ล้มเหลวอย่างยับเยิน การขาดแคลนอาหารและยาทำให้เกิดวิกฤตการณ์ความอดอยากครั้งใหญ่ในปี 1983-1985 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่าล้าน
-
การละเมิดสิทธิมนุษยชน: รัฐบาล Derg เป็นที่รู้จักในด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง มีการสังหารหมู่ การจับกุมผู้ต้องสงสัย และการทรมาน
การปฏิวัติเอธิโอเปียปี 1974 เป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความซับซ้อนของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคม แม้ว่าจะมีเจตนารมณ์ที่ดี แต่การปฏิวัตินี้ก็ถูกครอบงำโดยความรุนแรง และนำไปสู่ความหายนะ
ตารางแสดงเปรียบเทียบระหว่างการปกครองของจักรพรรดิไฮเลอ เซลาสซีที่ 1 และรัฐบาล Derg:
คุณลักษณะ | จักรพรรดิไฮเลอ เซลาสซีที่ 1 | รัฐบาล Derg |
---|---|---|
ระบบการปกครอง | กษัตริย์ | สาธารณรัฐ |
อุดมการณ์ | บูรณาการแห่งชาติ | สังคมนิยม |
นโยบายเศรษฐกิจ | ระทุนนิยมแบบผสม | เศรษฐกิจที่ถูกควบคุมโดยรัฐ |
ความเสรี | จำกัด | ถูกละเมิดอย่างหนัก |
สถานการณ์ความมั่นคง | สงครามกับกลุ่มต่อต้านใน Eritrea | สงครามกลางเมือง |
การปฏิวัติเอธิโอเปียปี 1974 ยังคงเป็นประเด็นที่น่าสนใจและถูกถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องในหมู่นักประวัติศาสตร์และนักวิชาการ เหตุการณ์นี้ได้เปลี่ยนแปลงเส้นทางของเอธิโอเปียอย่างลึกซึ้ง และส่งผลกระทบต่อภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกไปอย่างกว้างขวาง